ปัญหาหนักใจของคนเลี้ยงสุนัข แมว หนีไม่พ้นการที่สัตว์เลี้ยงของเรามีเห็บ หมัด เพราะบางครั้งหากน้องหมาน้องแมวอาจเผลอกลืนตัวเห็บ หมัดเข้าไปในขณะที่เลียตัวทำความสะอาด แล้วนำเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตชัว เข้าสู่ร่างกาย หรือการที่สัตว์เลี้ยงของเรากินไข่ของพยาธิเข้าไปแบบไม่รู้ตัว จนทำให้เกิดเป็นโรคต่างๆ ตามมา หรือที่เรียกว่า Vector borne disease (โรคที่นำโดยพาหะ) ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อยคือ การนำเข้าของพยาธิตัวตืด จัดเป็นพยาธิลำไส้ชนิดหนึ่ง อยู่ในจำพวกพยาธิตัวแบน ซึ่งพยาธิตัวแก่จะอาศัยอยู่ในลำไส้ของสุนัขแล้วปล่อยปล้องที่คล้ายเม็ดแตงกวาหลุดปะปนมากับอุจจาระ พยาธิตัวตืดนี้ติดต่อผ่านหมัดที่กินไข่พยาธิเข้าไป แล้วสุนัขมากินหมัดที่มีไข่พยาธินั้น หากสุนัขและแมวติดหมัด แล้วบังเอิญเผลอกินหมัดเข้าไปจากการเลียขนตัวเองหรือจากการคันแล้วกัดแทะตัวเอง ก็จะทำให้ติดพยาธิตัวตืดเข้าสู่ทางเดินอาหาร
อาการที่อาจพบได้ในสุนัข และแมว
1.ท้องเสีย มีเลือดปนในอุจจาระ
2.คันก้น หรือเอาก้นไถกับพื้น
3.อยากอาหารน้อยลง น้ำหนักลด ผอมลง
4.ขนหยาบ แห้งกร้าน
5.มีอาการท้องกาง ปวดท้อง
รักษาพยาธิทำได้อย่างไร ?
การกำจัดพยาธิในทางเดินอาหารของสุนัขและแมวนั้น ต้องให้ยาถ่ายพยาธิ แต่เนื่องจากพยาธิที่สามารถพบได้ในสุนัขและแมวมีหลายชนิด ซึ่งการใช้ยากำจัดพยาธิแต่ละประเภท ก็จะมีชนิดและรูปแบบของยาที่แตกต่างกัน การพาไปพบสัตวแพทย์จะเป็นประโยชน์มาก เนื่องจากสัตวแพทย์มักจะทำการตรวจอุจจาระ เพื่อให้ทราบลักษณะและชนิดของไข่พยาธิซึ่งสามารถมองเห็นได้ผ่านกล้องจุลทัศน์
ทั้งนี้ ระยะเวลาในการรักษา พยาธิแต่ละชนิดก็จะแตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ เจ้าของสัตว์ควรหมั่นสังเกตว่า สัตว์เลี้ยงของเรามีปัญหาเรื่องปรสิตภายนอก เช่น พวกเห็บและหมัดหรือไม่ เราควรจะต้องควบคุมปรสิตภายนอกเหล่านี้ควบคู่ไปด้วย จะทำให้ปัญหาของสัตว์เลี้ยงเราที่มีการติดมาจากปรสิตภายนอกเหล่านี้หมดไปเช่นกัน
ป้องกันพยาธิได้อย่างไร ?
การป้องกันพยาธินั้น อยู่ที่ลักษณะการเลี้ยงและสุขอนามัยในการเลี้ยง หากเราเลี้ยงอยู่ในพื้นที่จำกัดในระบบปิด ก็จะมีโอกาสจะติดพยาธิได้น้อยกว่า กรณีนี้อาจแนะนำให้ถ่ายพยาธิ 1-4 ครั้ง/ปี ขึ้นอยู่กับการประเมินของสัตวแพทย์
ส่วนกลุ่มที่เลี้ยงปล่อย สัตว์เลี้ยงสามารถออกไปภายนอกได้อย่างอิสระนั้น ก็จะมีโอกาสที่ไปสัมผัสหรือได้รับไข่หรือตัวอ่อนของพยาธิได้ง่ายกว่า ดังนั้นอาจจะต้องมีการถ่ายพยาธิบ่อยขึ้นทุก 1-2 เดือน หรือพาไปให้ตรวจเช็คอยู่เป็นประจำว่าสุนัขหรือน้องแมวของเรามีการติดพยาธิหรือไม่
แต่ถึงอย่างไรสามารถป้องกันก่อนเกิดโรคได้ ด้วยการป้องกัน 2 ชั้น double protection ด้วยการใส่ปลอกคอป้องกันเห็บหมัด เพื่อไม่ให้เห็บหมัดมาเกาะบนผิวน้องตั้งแต่แรกได้ ด้วยปลอกคอป้องกันเห็บหมัดของ Seresto เพื่อลดโอกาสที่น้องจะถูกกัด ลดโอกาสการเกิดโรคร้าย นั่นแหละจึงเป็นสาเหตุที่สำคัญมากๆที่เราจะต้องปกป้องน้องตั้งแต่ที่ภายนอก ก่อนจะถูกเห็บหมัดมาเกาะ เพื่อลดโอกาสไม่ให้โดนกัดและติดเชื้อนั่นเอง
ที่มาของข้อมูล :
- https://www.readhowl.com/2018/06/21/gi-parasite-pet/
- https://www.naewna.com/lady/columnist/51156
- https://www.bangkokbiznews.com/pr-news/biz2u/241713
- https://www.muangakepethospital.com/17075956/%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%94-tapeworms